บทความทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร
Edge Computing
Edge Computing เป็นรูปแบบหนึ่งของ Cloud Computing ซึ่งเดิมที เราอาจคุ้นเคยกับคำว่า Cloud Computing กันอยู่บ้าง หากแต่โครงสร้าง Cloud แบบเดิมจะรวมการประมวลผลทุกอย่างอยู่บน Cloud และเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้ใน Data Center เพียงแห่งเดียว
ในขณะที่ Edge Computing นั้น จะทำการประมวลผลข้อมูลที่อยู่ใกล้กับแหล่งข้อมูล หรือเรียกว่าประมวลผลตรงปลายทางหรือขอบของโครงข่าย (Edge of the Network) ซึ่งการประมวลผลแบบ Edge จะช่วยลดเวลาแทนที่ใช้ขนส่งข้อมูลไปกลับจากระบบ Cloud ให้มากที่สุด ในส่วนของความจำเป็นหลักที่ทำให้การประทวลผลอยู่ที่ต้น/ปลายทาง (Edge) ก็เพื่อเป็นการผลักภาระการประมวลผลข้อมูลไปยังอุปกรณ์ที่ Edge ของเครือข่าย โดย Edge สามารถประมวลข้อมูลได้จากอุปกรณ์หลายตัว และย่อส่วนข้อมูลลงอีกด้วย
ข้อดีของ Edge Computing มีโดยคร่าว ดังนี้ - ลดเวลาในการรับส่งข้อมูล (Decreased Latency)
Edge Computing ช่วยสร้างความได้เปรียบด้านความเร็วในการรับส่งข้อมูล เนื่องจากข้อมูลจะไม่ต้องถูกโอนส่งไปยังศูนย์ข้อมูลก่อนแล้วค่อยตีกลับมาอีกครั้ง จึงทำให้ระยะเวลาการรับส่งข้อมูลสั้นลง (ปกติแล้วเวลาเครื่องมือสื่อสารกับเซิฟเวอร์ที่ห่างออกไป จะต้องส่งข้อมูลไปยังศูนย์ข้อมูลก่อนและรอคอยผลลัพธ์ในการเดินทางย้อนกลับ) - ประหยัดแบนด์วิธ (Bandwidth) และ เซิฟเวอร์ (Server)
เนื่องจากปัจจุบันทุกครอบครัวมีการใช้งานอุปกรณ์อัจฉริยะกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Smart Cameras, Printers หรือ Thermostats หากต้องส่งข้อมูลไปยัง Cloud พร้อมๆ กัน จะต้องใช้ Bandwidth จำนวนมหาศาลตามไปด้วย การใช้ Edge computing จะช่วยให้อุปกรณ์ต่างๆ ที่มีระบบ AI อยู่ในอุปกรณ์นั้นสามารถประมวลผลข้อมูลในตัวได้เลย ส่งผลให้ประมวลผลบน Cloud ลงลง เนื่องจากเป็นการย้ายระบบประมลผลไปดูใกล้ต้น/ปลายทางแทน ดังนั้น Edge Computing จึงช่วยลดปริมาณการใช้งาน Bandwidth และ Server ลงได้- ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย (Privacy & Security)
ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเป็นประเด็นที่ทุกคนให้ความสำคัญ เช่น การเก็บข้อมูลลายนิ้วมือลงในอุปกรณ์ iPhone และ iPad ของ Apple นั้น ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ซึ่ง Apple ได้มีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องการเก็บข้อมูลลายนิ้วมือของผู้ใช้งาน ที่จะต้องจัดเก็บอยู่ในอุปกรณ์เท่านั้นและไม่สามารถนำข้อมูลลายนิ้วมือออกมาได้ ดังนั้น การที่ไม่จำเป็นต้องนำข้อมูลส่งออกไปจัดเก็บหรือประมวลผลที่อื่น จะช่วยให้การบริหารจัดการข้อมูลอยู่ที่จุดเดียว และช่วยในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลได้- ฟังก์ชั่นการทำงานอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นมา
ฟังก์ชันการทำงานใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เช่น บริษัทต่างๆ สามารถใช้ Edge Computing ในการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลที่อุปกรณ์ปลายทาง หรือ Edge ซึ่งส่งผลให้การวิเคราะห์และประมวลผลเหล่านั้นสามารถทำได้แบบ Real-Time
ข้อเสียของ Edge Computing
1. จากการที่มีทรัพยากรที่มาจากหลายแห่ง จึงอาจเกิดปัญหาด้านความต่อเนื่องและความรวดเร็ว
2. ยังไม่มีการรับประกันในการทำงานอย่างต่อเนื่องของระบบและความปลอดภัยของข้อมูล
3. แพลทฟอร์มยังไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ลูกค้ามีข้อจำกัดสำหรับตัวเลือกในการพัฒนาหรือติดตั้งระบบsite
4. เนื่อง จากเป็นการใช้ทรัพยากรที่มาจากหลายที่หลายแห่งทำให้อาจมีปัญหาในเรื่องของ ความต่อเนื่องและความเร็วในการเข้าทรัพยากรมากกว่าการใช้บริการ Host ที่ Local หรืออยู่ภายในองค์การของเราเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น